สะเทือนใจ!เด็ก2ขวบโดนอุ้ม ทำร้ายร่างกายสะบักสะบอม ที่ สิงหนคร
คุณแม่ชาวสิงหนครร้องสื่อ หลังถูกคนร้ายแอบอุ้มลูกชายวัย 2 ขวบกว่าจากห้องนอน ช่วงกลางดึก มาทำร้ายร่างกายปริศนา เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผล ขณะที่ตำรวจกองปราบปราม ร่วม สภ.สิงหนครลงพื้นที่เข้าช่วยเหลือเร่งติดตามคนร้าย
วันที่ 8 สิงหาคม 2565 เวลา 14.00 น. นาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สมจิตร สังขทรัพย์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31/2 ม. 7 ต.หัวเขา อ.สิงหนคร จ.สงขลา ได้ร้องเรียนผู้สื่อข่าวว่า เมื่อกลางดึกตอนประมาณตึ 3 ได้เกิดเหตุการณ์ มีคนร้ายย่องเงียบเข้ามาในห้องนอน พร้อมกับอุ้มลูกชายอายุเพียงแค่2ขวบ กว่า จากที่เบาะที่นอนในบ้านพัก ไปทุบตีทำร้ายร่างกาย จนน่วมแดงช้ำเกือบทั้งตัวและยังมีแผลพุพองตามตัวอีกหลายจุดเหมือนกับถูกไฟจี้ และแม่ได้ออกมาเรียกร้องให้ตำรวจเร่งสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปติดตามเรื่องนี้ที่บ้านเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว มุงสังสะสีอยู่ในชุมชนเขาแดง พบกับ น.ส.สมจิตร สังขทรัพย์ ซึ่งเป็นแม่ของ น้องสตาร์ อายุ2 ขวบ7 เดือน ที่แม่บอกว่าถูกทำร้ายร่างกายและยังอยู่ในอาการหวาดกลัว
โดยแม่ได้ถอดเสื้อผ้าให้ดูสภาพของลูกชายที่ถูกทำร้ายอย่างทารุนมีแผลถูกทุบตีและใช้ไฟจี้ตามร่างกายหลายแห่ง
โดยเฉพาะแผ่นหลังซึ่งมีรอยแผลแดงช้ำเหมือนกับถูกฟาดอย่างแรงซ้ำๆหลายครั้งเต็มเผ่นหลัง ใบหน้าซึ่งมีรอยฟกช้ำ และมีแผลคล้ายถูกไฟจี้ที่แก้ม ซึ่งเห็นแล้วน่าสงสารมากและแม่ทำใจรับไม่ได้เพราะเมื่อเห็นรอยแผลบนร่างกายของลูกมันเจ็บและบาดลึกไปถึงหัวใจ
น.ส.สมจิตร เล่าเหตุการณ์ให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนพร้อมกับลูกชายอีก 2 คนจะนอนให้ห้องนอนเดียวกัน ซึ่งคืนที่เกิดเหตุตนไม่ได้ล๊อกประตูห้องนอน มารู้สึกตัวอีกครั้งประมาณตึ 4 ซึ่งขณะนั้นลูกชายได้หายไปจากที่นอนแล้ว หลังจากนั้นจึงออกตามหา จนกระทั้งไปพบลูกชายยื่นอยู่บริเวณ ลานออกกำลังกายภายในหาดจันทร์สว่าง ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 1 กิโลเมตร โดยที่ลูกมีสภาพเนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนและแผลเต็มตัวอาการสะบักสะบอม ก่อนที่จะเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สิงหนคร ตนจึงไปแจ้งความ
น.ส. สมจิตร ยังบอกอีกว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องสตาร์ลูกชายถูกอุ้มออกจากบ้านไปทำร้าย โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา ลูกชายก็เคยถูกคนร้ายแอบอุ้มจากบ้านไปทุบตีตอนตี3กว่าๆตนได้ยินเสียงร้องจึงวิ่งออกไปดู ก็เห็นคนร้ายซึ่งจำหน้าได้ว่าชื่อสิทธิ์ เป็นคนในชุมชนกำลังใช้ไม้ทุบตีลูกชายอยู่ใต้ต้นมะขามใกล้บ้าน จึงเข้าไปช่วยและถามว่าตีลูกตนทำไม นายสิทธิ์ จึงวิ่งหลบหนีไป และพฤติกรรของนายสิทธิ์ก็ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย
ตนได้เข้าแจ้งความไว้แล้วที่สภ.สิงหนคร แต่ไม่ทราบว่าคดีไปถึงไหนแล้วเพราะนายสิทธิ์ ยังไม่ถูกจับกุม และเมื่อสองวันก่อนตำรวจเพิ่งให้ไปชี้จุดเกิดเหตุใต้ต้นมะขามที่ลูกถูกทำราย และที่น่าสังเกตุคือลักษณะการถูกทำร้ายครั้งแรกกับครั้งนี้ก็คล้ายๆกันมีร่องรอยถูกตีที่หลังและใช้ไฟจี้ซึ่งคนร้ายน่าจะเป็นคนคนเดียวกัน
ตอนนั้นเหตุการณ์แรกเกิดขึ้นที่บ้านเช่าเลขที่ 48/4 หมู่ 1 ต.หัวเขา อ.สิงหนคร ตนรู้สึกกลัวจึงย้ายมาอยู่ที่บ้านแม่ซึ่งอยู่ในชุมชนเดียวกันเพราะปกติก็จะอยู่กับสามคนแม่ลูกส่วนสามีซึ่งเป็นลูกเรือประมงไปออกเรือไม่ค่อยอยู่บ้าน
กระทั่งล่าสุดเมื่อคืนนี้ลูกชายก็ถูกอุ้มจากเบาะที่นอนไปทำร้ายอีก ตอนนั้นนอนอยู่ในบ้านเช่าหลังนี้กัน3 คนทั้งตนลูกชายอายุ7 ขวบ และน้องสตาร์ โดยน้องสตาร์นอนกับตนอยู่บนเบาะและนอนด้านนอก ส่วนสามีตนไม่อยู่บ้านเพราะเป็นลูกเรือประมงไปออกเรือ
โดยตนเข้านอนในตอนเที่ยงคืนและหลับสนิทเพราะกินยาหวัดเข้าไปและเมื่อคืนนี้ลืมล๊อคกุญแจด้านนอก เพียงแค่ขัดไม้ไว้ด้านในเท่านั้น มาตื่นอีกทีตอนประมาณตี4 กว่าๆ เพราะแม่ที่พักอยู่บ้านข้างๆเรียกจะไปงานแต่งงานกันในช่วงเช้า
เมื่อตื่นขึ้นมาปรากฏว่าน้องสตาร์ ได้หายไปตนและชาวบ้านพยายามตามหาแต่ก็ไม่พบ มีเพียงร่องรอยเดินย้ำผักบุ้งที่คลองหลังบ้าน จึงได้เข้าแจ้งความที่สภ.สิงหนคร แต่ตำรวจยังไม่รับแจ้งบอกว่ายังไม่ถึง24 ชั่วโมงแต่ก็จะส่งตำรวจมาช่วยตามหา
ทีแรกตนคิดว่าลูกชายน่าจะถูกชายคนเดิมอุ้มไปทำร้ายตรงจุดเดิมที่เคยถูกพาไปครั้งแรก แต่ยังไม่ถึงเพราะระหว่างทางได้พบลูกชายยืนอยู่ริมทะเลมีชาวบ้านได้ช่วยเอาไว้
ในสภาพที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยโคลนตมและร่างกายถูกทำร้ายแต่ลูกชายก็ไม่ได้ร้องให้ จึงพาตัวไปแจ้งความที่สภ.สิงหนคร ตำรวจก็ให้พาตัวไปส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจร่างกาย และกลับมาแจ้งความที่สภ.สิงหนคร อีกครั้ง เพื่อให้ตำรวจช่วยติดตามจับกุมคนร้ายที่ทำกับลูกชายตน ซึ่งครั้งนี่ตนไม่เห็นว่าเป็นใครแต่จิตใจเหี้ยมโหดมากทำร้ายเด็ก และตนก็อยากรู้ว่าทำกับเด็กทำไมเพราะไม่ได้มีเรื่องโกรธแค้นอะไรกัน และสงสัยว่าคนที่ทำร้ายน่าจะเป็นคนเดิม
ด้านนายเกษม เจ๊ะพงศ์ อายุ67 ปี ซึ่งเป็นคนแรกที่ไปพบน้องสตาร์ยืนร้องให้อยู่ที่ชายทะเลเล่าว่าตอนไปเจอน้องสตาร์ตอนตี5 ขณะเดินกลับจากละหมาดที่มัสยิด เห็นเด็กร้องและเนื้อตัวมอมแมมมากเต็มไปด้วยโคลนตม จึงเข้าไปช่วยเอาไว้และพยายามแจ้งตำรวจแต่แม่เด็กก็ตามมาพบ ซึ่งเหตุการณ์นี้ตนก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่อุ้มเด็กไปทำร้ายจนเป็นแผลทั้งตัวแบบนี้ทำไปเพราะอะไร
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยังพนักงานสอบสวนสภ.สิงหนคร เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีเก่าที่แม่เคยแจ้งความเอาไว้เมื่อวันที่2 มีนาคม หลังผ่านมาเกือบ4เดือนเจ้าของคดีเผยว่ากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการคดีโดยได้สอบปากคำแม่เด็กไปเรียบร้อยแล้วและเมื่อสองวันก่อนได้ให้แม่ไปชี้จุดเหตุและเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายเรียก นายสิทธิ์ มาสอบสวน
และจากเหตุการณ์นี้ล่าสุดทางตำรวจกองปราบ กองกำกับการ6 กองบังคับการปราบปราม ก็ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านเกิดเหตุพูดคุยสอบถามเรื่องราวกับแม่ของเด็กรวมทั้งดูร่องรอยบาดแผลที่เด็กถูกทำร้ายเพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวครัวในการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย
พร้อมกับเดินทางไปยัง สภ.สิงหนคร ไปพบกับ พ.ต.อ.เสวี วุ่นหนู ผู้กำกับการสภ.สิงหนคร ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุเพื่อร่วมกันสืบสวนคลี่คลายคดีนี้เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุโดยเร็วที่สุดเพราะดูจากบาดแผลที่ตัวเด็กผู้ที่ลงมือโหดร้ายมากและจิตใจน่าจะไม่ปกติเพราะลงมือทำกับเด็ก
โดยผู้ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยขณะนี้คือ นายสิทธิ์ ที่เคยอุ้มน้องสตาร์มาทำร้ายทุบตีแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตำรวจเตรียมไปนำตัวมาสอบสวน
อย่างไรก็ตามคดีนี้ตำรวจจะเรียกตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนอย่างละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแม่เด็กที่บอกว่าลูกชายถูกคนอุ้มไปทำร้าย รวมทั้งนายสิทธิ์ ที่ถูกแม่ระบุว่าเป็นคนอุ้มลูกชายไปทุบตีครั้งแรกและครั้งนี้ก็สงสัยว่าน่าจะเป็นคนทำ
นอกจากนี้จะสอบสวนพยานแวดล้อมอื่นๆทั้งลูกชาย 7 ขวบซึ่งนอนอยู่ในบ้านในคืนเกิด และพยานแวดล้อมอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดคือวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ในตัวเด็กที่จะระบุได้ชัดเจนว่าใครเป็นคน โดยเจ้าหน้าที่จะนำเสื้อผ้าที่น้องสตาร์สวมใส่ในคืนเหตุและชิ้นเนื้อในซอกเล็กไปตรวจหาดีเอ็นเอซึ่งจะเป็นหลักฐานสำคัญว่าใครเป็นคนทำร้ายเด็ก
More Stories
GULF MTP โครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ ฯ พัฒนาอาชีพชาวประมง จ.ระยอง
พาณิชย์นนทบุรี ยกทัพสินค้าเด่นของจังหวัดกว่า 300 รายการ ภายใต้ชื่องาน ‘Best and Green of Nonthaburi 2025’ ให้ชิมช้อปอย่างจุใจ 26-30 พ.ค.นี้ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
เด็กนักเรียนจากสถาบันการศึกษาชื่อดังของอยุธยา จับมือร่วมต้านโกง พร้อมขยายเครือข่ายครอบคลุมทุกโรงเรียน