04/06/2025

ข่าวเด็ด77

รวมข่าวดีรวมข่าวเด็ด จาก77 จังหวัดทั่วไทย

ท้องถิ่นบูรณาการ’ หนทางแก้ปัญหาแล้งที่ เชียงราย ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา

ท้องถิ่นบูรณาการ’ หนทางแก้ปัญหาแล้งที่ เชียงราย ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา

 

ห่างออกไปทางทิศเหนือ 735.7 กม จากกรุงเทพฯ ที่ตั้งศูนย์กลางอำนาจการบริหารจัดการน้ำ สำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือ สทนช. ที่ริมลุ่มน้ำพุง ตำบลสันมะค่า อำเภอป่าแดด จังหวัดเชียงราย ห่างจากตัวเมืองเชียงราย  62 กิโลเมตร บรรดาผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น กำลังขมักเขม้นกับการเสนอชุดข้อมูลการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำและการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งให้กับนายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา นายขวัญชาติ วงศ์ศุภรา นันต์ กรรมาธิการฯ พร้อมคณะอนุกรรมาธิการและที่ปรึกษา ที่เข้าร่วมประชุมรับฟังข้อเสนอขององค์กรปกครองท้องถิ่น อำเภอป่าแดด เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2565

ทั้งนี้ นายจรัญ ยะม่อนแก้ว นายอำเภอป่าแดด นายสุกรรณ์ คำภู ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมและพัฒนาท้องถิ่นยังมีตัวแทนเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติฯ สำนักงานปฎิรูปที่ดิน ผู้จัดธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดเชียงราย ผู้ใหญ่บ้าน ได้ร่วมประชุมฯ ให้ข้อเสนอแนะในครั้งนี้ด้วย

บนพื้นดินทราย ใต้เชิงสะพานข้ามแม่น้ำพุง หมู่ 3 บ้านสันบัวคำ ถูกใช้เป็นสถานที่ประชุมชั่วคราว ด้านหน้าเต้นท์ เทศบาลตำบลสันมะค่า ได้จัดเตรียมข้อมูล แผนที่แสดงภูมิประเทศ แม่น้ำอิง แม่น้ำพุง และจุดที่ต้องการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำ เมื่อทอดสายตาห่างออกไปตามลำน้ำพุงราว 150 เมตร จะเห็นแนวฝายกระสอบทรายที่หลุดรุ่ยกั้นลำน้ำพุง เอาไว้

‘ท้องถิ่นบูรณาการ’ ขององค์กรปกครองท้องถิ่นในรูปแบบบูรณาการเชิงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งเป็นองค์รวม เป็นการเปิดมิติใหม่ในการแก้ปัญหาความยากจน นับตั้งแต่คณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื้อมล้ำ วุฒิสภา ร่วมค้นหา เสนอแนะความรู้กับภาคประชาชน กลุ่มองค์กรเอกชน และหน่วยราชการต่างๆร่วม 3 ปี  5 ท้องถิ่นคือ เทศบาลตำบลสันมะค่า ป่าแงะ โรงช้าง ป่าแดด และตำบลศรีโพธิ์เงิน ซึ่งมีพื้นที่อยู่รอบริมแม่น้ำพุง มี ประชากร 26,276 คน 7,544 ครัวเรือน 59 หมู่บ้าน พื้นที่เกษตรทำนาข้าว 60,804 ไร่ และพืชไร่ 21,461 ไร่ บูรณาการ 5 ท้องถิ่น ประกอบด้วย

นายธวัชชัย จรูญชาติ นายกเทศมนตรีตำบลสันมะค่า นายธนพงษ์ จันต๊ะนาเขตร นายกเทศมนตรีตำบลป่าแดด นายมงคล เชื้อไทย นายกเทศมนตรีตำบลป่าแงะ นายณิชภูมิ คำเมืองเหนือ นายกเทศมนตรีตำบลโรงช้าง และตัวแทนนายกเทศมนตรีตำบลศรีโพธิ์เงิน มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ปัญหา น้ำแล้งในลำน้ำพุง ซึ่งส่งผลกระทบ ต่อพื้นที่เกษตรกว่าแปดหมื่นไร่ และผู้คนอีก 7,544 ครัวเรือน

นายกเทศมนตรีทั้ง 5 ตำบล ให้ข้อมูลตรงกันว่า พื้นที่ทั้ง 5 ตำบลต่างเผชิญปัญหาลักษณะเดียวกัน พื้นที่อำเภอป่าแดดเป็นพื้นที่ปลายน้ำของลำน้ำพุง ถึงแม้ว่าจะมีฝายกักเก็บน้ำเป็นระยะ แต่มีความตื้นเขินจากดินตะกอนหน้าแล้ง จึงมีน้ำไม่เพียงพอกับการอุปโภคบริโภคและการเกษตร จึงต้องเจาะบาดาลน้ำตื้นใช้ทำการเกษตร เช่น ทำนาปรังและพืชไร่ เช่น ลำใย ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกถึง 20,179 ไร่ !!

นายธวัชชัย จรูญชาติ นายกเทศมนตรีตำบลสันมะค่า กล่าวสรุปภาพรวมทั้ง 5 ตำบลถึงสภาพปัญหาและความต้องการ พร้อมกับเสนอแนวทางแก้ไข ว่า

‘ปัญหาน้ำแล้ง น้ำไม่พอใช้ การช่วยเหลือที่ต้องการคือ การขุดลอกแม่น้ำพุง โดยได้จัดทำรายละเอียดเพื่อขอจัดสรรงบประมาณ และเพื่อขออนุญาตกรมเจ้าท่าในการขุดลอกแม่น้ำพุง รวมถึงทำฝายแกนดินซีเมนต์เพื่อกักเก็บน้ำทั้งลำน้ำพุงและลำน้ำอิง ตลอดจนการจัดทำบ่อบาดาลน้ำตื้นและโซล่าร์เซลล์ โดยได้ขอคำแนะนำแหล่งที่จะขอรับจัดสรรงบประมาณด้วย และขอให้คณะกรรมาธิการฯ ส่งเสริมการพัฒนาพื้นที่ด้านการศึกษา ท่องเที่ยว การดำเนินการต่างๆ จะต้องผ่านขออนุญาตใช้พื้นที่จากที่ราชพัสดุ ป่าไม้ พื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่ นสล. (หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง) โดยช่วยประสานผลักดันหน่วยงานดังกล่าวเร่งดำเนินการด้วย’ นายกเทศมนตรีตำบลสันมะค่ากล่าวในที่สุด

นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวต่อที่ประชุมว่า ‘ คณะกรรมาธิการนี้มาพบพี่น้องเพื่อ รับรู้ เรียนรู้ รับฟังข้อเสนอแนะ และแบ่งปันประสบประการการแก้ปัญหาน้ำแล้ง นายสังศิต ได้แสดงความชื่นชม ในการร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนในพื้นที่ พร้อมกับเสนอแนะแนวทางในการจัดทำโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ การจัดการหาแหล่งน้ำขนาดเล็กตามนโยบายของรัฐบาล และได้เปิดโอกาสให้มีการปรึกษาหารือและทำความเข้าใจกันระหว่างผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับคณะที่เดินทางศึกษาดูงานและผู้แทนส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้แทน ส.ป.ก. ผู้แทน ธกส. เป็นต้น ซึ่งได้มีการแนะนำแนวทางการประสานความร่วมมือ การชี้แจงถึงระเบียบ กฎเกณฑ์ แนวทางดำเนินการที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ จากนั้นได้มอบหมายให้นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ภาค 1 ซึ่งเป็นอนุกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนฯ อยู่ด้วยได้ชี้แจงการของบประมาณ  นายเจนศักดิ์ ชี้แจงต่อที่ประชุมถึงสาระสำคัญว่า การของบประมาณหน่วยงาน ที่จะของบต้องมี 3 พร้อม คือ พร้อมเรื่องแบบก่อสร้าง พร้อมเรื่องงบประมาณ ปร.4 /ปร.5 พร้อมเรื่องสถานที่ต้องให้ได้รับอนุญาตจากเจ้าของสถานที่แบบเป็นทางการก่อน

จากนั้น ประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้แนะนำให้มีการปรึกษาหารือและทำความเข้าใจกันระหว่างผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกับคณะเดินทางศึกษาดูงานและผู้แทนส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้แทน ส.ป.ก. ผู้แทน ธกส. เป็นต้น ซึ่งได้มีการแนะนำแนวทางการประสานความร่วมมือ การชี้แจงถึงระเบียบ กฎเกณฑ์ แนวทางดำเนินการที่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการ บูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งบางประเด็นได้ข้อสรุปในเบื้องต้นและได้แนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป  นายสังศิต รับปากว่าจะนำปัญหาในการทำงานขององค์การบริหารส่วนท้องที่ๆ เกี่ยวข้องกับพื้นที่ของ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เข้าสู่วาระการประชุมของคณะกรรมาธิการในวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม ศกนี้ ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกัน เวลา 14.00 น. คณะฯ เดินทางถึงที่ว่าการอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย โดยมีนายวิสาร  เตชะธีราวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงราย นายกิตติ ชัยดรุณ นายอำเภอพาน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอพาน ให้การต้อนรับและเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดเล็กและการส่งเสริมนวัตกรรมฝายชะลอน้ำชั่วคราวแกนดินซีเมนต์เพื่อท้องถิ่นพึ่งพาตนเอง  นายกิตติ ชัยดรุณ นายอำเภอพาน ได้กล่าวสรุปเกี่ยวกับข้อมูลพื้นฐานของอำเภอพานว่า อำเภอพานมี 15 ตำบล 236 หมู่บ้าน ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม อำเภอพานเป็นแหล่งเลี้ยงปลานิลขนาดใหญ่ที่สุดของภาคเหนือ ปัญหาของอำเภอพานคือปัญหาเรื่องพื้นที่นอกเชตชลประทานเกิดปัญหาความแห้งแล้ง  นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวต่อที่ประชุมว่า การเดินทางมาศึกษาดูงานในครั้งนี้เป็นการมารับฟังเพื่อรวบรวมประเด็นปัญหาต่างๆ และรับฟังข้อเสนอเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อไปโดยคณะกรรมาธิการมีแนวทางดำเนินการดังนี้

1) การแก้ปัญหาความยากจนของประเทศไทยไม่สามารถลอกเลียน รูปแบบการแก้ปัญหาความยากจนของต่างประเทศได้ เพราะมีสภาพแวดล้อม และภูมิหลังด้านต่างๆ ทั้งที่เป็นประวัติศาสตร์และสภาพการปัจจุบันที่แตกต่างกันมากการแก้ปัญหาความยากจนของจังหวัดเชียงรายจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวเองที่ ทั้งเหมือนและแตกต่างจากจังหวัดอื่นๆ ดังนั้นคณะกรรมาธิการจึงมุ่งที่จะมาเรียนรู้รูปแบบเฉพาะตัวในการแก่จนของจังหวัดเชียงรายด้วยโดยทั่วไปแล้วการแก้ปัญหาความยากจน ของจังหวัดส่วนใหญ่ ต้องบริหารจัดการเรื่อง “น้ำ” ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ ประเทศไทยมีฝนตกปีละประมาณ 770,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่กักเก็บไว้ได้เพียงร้อยละ 5-6 เปอร์เซ็นต์ เพราะขาด ความรู้เรื่องการกักเก็บน้ำและการดึงน้ำ ใต้ดินมาใช้ประโยชน์ ซึ่งฝายแกนดินซีเมนต์สามารถกักเก็บได้ดี กว่าฝายชนิดอื่นๆ ที่กระจายอยู่ทั่วไปทั้งในภาคเหนือและภาคอีสาน มีราคา ต้นทุนถูก กว่าและสามารถสร้างเสร็จได้อย่างรวดเร็ว กว่า

2) การแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ของเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ของทางราชการ รวมทั้งการแก้ปัญหาเรื่องที่เกษตรกรอยากสร้างแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรที่อยู่ในพื้นที่ กรมอุทยานกรมป่าไม้และส.ป.ก.

3) การส่งเสริมด้านการศึกษาที่จะช่วยแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ ให้แก่นักเรียนและครอบครัวของนักเรียนได้ ตามปรัชญาของโรงเรียนมีชัยพัฒนา

นอกจากนี้อีกรูปแบบหนึ่งในการแก้ปัญหาความยากจนคือ เมื่อมีน้ำแล้วต้องส่งเสริมให้เกษตรกรทำการเกษตร อินทรีย์แบบผสมผสานเพื่อให้มีผลิตผลขายให้ได้เงินสดทุกวัน ตัวอย่างเช่นที่ “ทุ่งชมพูโมเดล “ ที่มีการทำเกษตรอินทรีย์ผสมผสาน มีการเจาะบ่อบาดาล การใช้โซล่าร์เซลล์สูบน้ำ ซึ่งทาง ธกส. ยินดีสนับสนุนเรื่องสินเชื่อในการดำเนินการตามโมเดลดังกล่าว สำหรับฝายแกนดินซีเมนต์ นั้นใช้ปูนซิเมนต์ผสมดินในอัตราส่วนประมาณ 1:10-30 มีการฝังแกนดินซีเมนต์ลงไปสองเท่าของความสูงสันฝาย และมีปีกฝังลงไปในตลิ่งสองฝั่งทำให้น้ำลงใต้ดินและซึมเข้าริมตลิ่งทั้งสองข้าง ทำให้เกิดความชุ่มชื้นเป็นบริเวณกว้าง เป็นฝายที่สร้างได้เร็ว ราคาถูก และกักเก็บน้ำได้ดีทำให้มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี  จากนั้นที่ประชุมได้พูดคุยถึงปัญหาต่าง ๆ เช่น การเขียนโครงการของบประมาณในการทำแหล่งน้ำขนาดเล็ก รวมทั้งช่องทางการหาแหล่งงบประมาณ ซึ่งคณะเดินทางได้ให้คำแนะนำในเบื้องต้น เช่น การของบประมาณทำแหล่งน้ำขนาดเล็กต้องดำเนินการภายใต้ Thai water plan โดยในเบื้องต้นต้องมีความพร้อมดังนี้  1) แบบแปลนโครงการ 2) การประเมินราคา 3) การอนุญาตจากเจ้าของพื้นที่ นอกจากนั้นประธานคณะกรรมาธิการยังได้มอบหมายให้ นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ อนุกรรมาธิการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและที่ดิน และนายสุภัทรดิศ ราชธา ที่ปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการ นัดหมายการเข้ามาร่วมประชุมกับทางผู้แทนหน่วยราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อชี้แจงและให้ความรู้เกี่ยวกับรายละเอียดในการดำเนินการดังกล่าวอีกครั้ง หนึ่งด้วย การปรึกษาหารือกันในบ่ายวันนี้ ผมได้รับทราบถึงปัญหาการขาดแคลน น้ำในฤดูแล้งในพื้นที่นี้ว่ามีความรุนแรงค่อนข้างมาก สำหรับพี่น้องชนเผ่าในพื้นที่สูงด้วยแล้วยิ่งมีปัญหาขาดแคลนน้ำรุนแรงมากขึ้นไปอีก ผมได้รับปากว่าข้อเสนอต่างๆที่ได้รับจะนำ เข้าสู่การประชุมของคณะกรรมาธิการในเช้าวันจันทร์ที่จะ ถึงนี้

จากนั้น คณะเดินทางได้เดินทางไปยัง วัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ บ้านห้วยกีด ตำบลดอยฮาง อำเภอเมืองเชียงราย เข้ากราบนมัสการพระอาจารย์วิบูลย์ ธัมมเตโช ที่ปรึกษาเจ้าอาวาส ซึ่งท่านเป็นผู้ริเริ่มโครงการ “การพลิกฟื้นผืนป่าด้วยศาสตร์พระราชา” โดยสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. ได้เข้ามาสนับสนุนเรื่องที่ดินให้กับสมาชิกวิสาหกิจชุมชนศาสตร์พระราชาวัดพุทธอุทยานดอยอินทรีย์ โดยจัดสรรพื้นที่ 1 ไร่ต่อหนึ่งครอบครัวให้ผู้ด้อยโอกาสที่ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองโดยพระอาจารย์ได้นำคณะเยี่ยมชมพื้นที่โครงการดังกล่าว ซึ่งพระอาจารย์สนใจในการนำฝายแกนดินซีเมนต์ไปใช้เพื่อเป็นการกักเก็บน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นให้ป่าบนดอยอินทรีย์ต่อไป อย่างไรก็ดีฝายที่พระอาจารย์ ต้องการ สร้างขึ้นนั้นอยู่ในบริเวณของกรมอุทยาน ดังนั้นจึงไม่สามารถ สร้างขึ้นได้ ผมได้รับปากกับพระอาจารย์ว่าจะนำปัญหานี้ไปประสานกับผู้รับผิดชอบหน่วยงานเพื่อหาทางออกให้แก้ปัญหานี้โดย เร็ว สำหรับท่านที่สนใจจะได้ข้อมูลเรื่องการบริหารจัดการแหล่งน้ำขนาดเล็ก ก็ดี หรือหากท่านทราบว่ามีบุคคลและองค์กรใดที่สนใจจะทำเรื่องน้ำเพื่อแก้จน ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดในประเทศนี้ก็ดี โปรดติดต่อที่  นายภัทรพล ณ หนองคาย  โทร 087-8577999 หรือที่ นายสุภัทรดิศ ราชธา โทร 081-2600794