ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดเชียงราย ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย ได้มีชาวบ้านจากชุมชนทวีรัตน์ ชุมชนบ้านดอน และชุมชนห้วยปลากั้ง จำนวนประมาณ 200 คน ได้มารวมตัวกัน เพื่อเรียกร้องให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้มีคำสั่งทบทวนประกาศของเทศบาลนครเชียงราย ที่ให้ชาวบ้านชุมชนห้วยปลากั้ง (ฝั่งตรงข้ามวัดห้วยปลากั้ง) ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่ในเขตการปกครองของ ทต.บ้านดู่ และชุมชนบ้านดอยทั้งหมด ชุมชนห้วยปลากั้ง (ฝั่งวัดห้วยปลากั้ง) รวมถึงชุมชนทวีรัตน์บางส่วน ย้ายไปอยู่ในเขตการปกครองของ ทต.แม่ยาว โดยให้เหตุผลว่าการแบ่งเขตที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง ไม่สอดคล้องกับแนวเขตของ ทน.เชียงราย ตาม พรก.เปลี่ยนแปลงเขตเทศบาลเมืองเชียงราย (ฉ.3) พ.ศ.2538 ส่งผลให้การจัดทำทะเบียนบ้าน ตามกฏหมายว่าด้วยทะเบียนราษฎร ตลอดจนการจัดบริการสาธารณะเกิดความผิดพลาดคลาดเคลื่อน จึงมีหนังสือแจ้งให้ชาวบ้านไปดำเนินการย้ายทะเบียนบ้านให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 22-30 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบที่มารวมตัวกันแย้งว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบธรรม เพราะเป็นคำสั่งเร่งด่วน มีความยุ่งยากในการดำเนินการ และตั้งข้อสังเกตุว่าคำสั่งดังกล่าวมีวัตถุประสงค์แอบแฝงหรือไม่ เพราะในปีนี้จะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั้ง เทศบาล และ อบต. ซึ่งการย้ายเขตปกครองในช่วงนี้ก็อาจส่งผลกระทบกับการเลือกตั้งที่จะมาถึงอย่างแน่นอน ซึ่งการรวมตัวชุมชุมที่หน้าศาลากลางดังกล่าว นายชรินทร์ ทองสุข ผวจ.เชียงราย ได้มอบหมายให้นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รอง ผวจ.เชียงราย มารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว พร้อมด้วย พ.จ.อ.อัษฎางค์ วิเศษวงศ์ษา นายทะเบียนท้องถิ่นเทศบาลนครเชียงราย และตัวแทน สนง.กกต.เชียงราย ร่วมรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน
นายชรินทร์ บุญประเสริฐ ประธานชุมชนทวีรัตน์ กล่าวว่า สาเหตุที่ชาวบ้านมารวมตัวกันในวันนี้เนื่องจากชาวบ้านต้องการความชัดเจน เพราะก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือแจ้งให้ชาวบ้านในพื้นที่ชุมชนทวีรัตน์ ชุมชนบ้านดอย และชุมชนห้วยปลากั้ง ซึ่งอยู่ในเขตปกครองของเทศบาลนครเชียงรายมาตลอด 30-40 ปี แต่ล่าสุดเมื่อกลางเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ทาง ทน.เชียงรายได้มีหนังสือแจ้งให้ชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ได้ดำเนินการย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ในเขต ทต.แม่ยาว และ ทต.บ้านดู่ ซึ่งการย้ายที่อยู่ตาม พรก.ดังกล่าว สร้างปัญหาและความวิตกกังวลให้ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเรื่องยุ่งยาก ชาวบ้านไม่อยากจะย้าย และการย้ายทะเบียนบ้านดังกล่าวอาจส่งผลกระทบกับการเลือกตั้งทัองถิ่นที่จะมีขึ้นในปีนี้อีกด้วย ซึ่งชาวบ้านได้เคยผ่านการประชาคมในหมู่บ้านมาแล้ว และแต่ละชุมชนมีมติว่าตรงกันว่าจะขออยู่ในเขตการปกครองของ ทน.เชียงราย ต่อไป ซึ่งวันนี้เป็นการมาติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเป็นครั้งที่ 2 ก็ได้มีนายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รอง ผวจ.เชียงราย ตัวแทนเทศบาล และ กกต. มารับเรื่องร้องทุกข์ แต่ยังไม่ได้มีคำตอบที่แน่ชัดว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่รองผู้ว่าแจ้งว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การประชุมเร่งด่วนในช่วงบ่ายวันนี้
นายสีเมือง ธำมา รองประธานชุมชนห้วยปลากั้ง กล่าวว่า คนที่มารวมตัวที่หน้าศาลากลางในวันนี้ ทุกคนมาด้วยใจ ไม่มีใครบังคับให้มา ทุกคนมาเพื่อแสดงเจตนารมณ์ที่ไม่ต้องการจะย้ายเขตปกครอง จะให้ทำอย่างไรก็ยอม จะให้กราบก็ยอม เพราะเราไม่ต้องการจะไปไหนทั้งสิ้น เราอยู่ตรงนี้มานาน 30-40 ตั้งแต่ยกฐานะเป็นเทศบาลนคร บางคนก็อยู่มานานกว่านั้น และแต่ละชุมชนได้ผ่านการประชาคมใหญ่มาแล้ว 3 ครั้ง และมีมติเอกฉันท์ว่าไม่ต้องการจะย้ายไปไหนทั้งสิ้น
ด้านนายวิชัย ตาแปง ประธานชุมชนน้ำลัด ซึ่งเคยเป็นชุมชนหลัก ก่อนจะมีการแบ่งย่อยเป็นชุมชนต่างๆ อีก 4 ชุมชน กล่าวว่า ทางเทศบาลนครเชียงราย ได้มีหนังสือแจ้งให้ชาวบ้านในเขต 3 ชุมชน ย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ในเขต ทต.บ้านดู่ และ ทต.แม่ยาว ภายในวันที่ 30 ม.ค. โดยให้เหตุผลว่าอยู่นอกเขตบริการ หากไม่ดำเนินการก็จะไม่ได้รับการบริการต่างๆ สร้างความสงสัยกับชาวบ้านในพื้นที่ เพราะอยู่กันมาตั้งแต่ปี 2530 ตั้งแต่สมัยเป็น อบต.ริมกก ก่อนจะยกฐานะเป็น ทม.เชียงราย และ ทน.เชียงราย ตามลำดับ มีการเลือกตั้งมาแล้วหลายสิบครั้ง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา แต่วันดีคืนดีกลับมีคำสั่งเร่งด่วนให้ย้ายทะเบียนราษฎร์ ทุกคนจึงรับไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะไม่ไป แต่ไม่ควรจะไปตั้งแต่แรก และตั้งข้อสังเกตุกันว่าคำสั่งนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องอย่างอื่นหรือไม่ เราก็ไม่ทราบ ซึ่งการตรวจสอบแนวเขตที่ผ่านมาก็มีแต่เจ้าหน้าที่ภายนอกที่มาอยู่ไม่กี่ปีก็โยกย้าย แต่คนในชุมชนไม่ได้มีส่วนร่วมเท่าที่ควร
More Stories
GULF MTP โครงการท่าเทียบเรือขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ ฯ พัฒนาอาชีพชาวประมง จ.ระยอง
พาณิชย์นนทบุรี ยกทัพสินค้าเด่นของจังหวัดกว่า 300 รายการ ภายใต้ชื่องาน ‘Best and Green of Nonthaburi 2025’ ให้ชิมช้อปอย่างจุใจ 26-30 พ.ค.นี้ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
เด็กนักเรียนจากสถาบันการศึกษาชื่อดังของอยุธยา จับมือร่วมต้านโกง พร้อมขยายเครือข่ายครอบคลุมทุกโรงเรียน