04/06/2025

ข่าวเด็ด77

รวมข่าวดีรวมข่าวเด็ด จาก77 จังหวัดทั่วไทย

หนุ่มร้องนายกอบต.บุกรุกบ้านที่ขายให้ตัวเองยันไม่กลัวอิทธิพล

หนุ่มนักธุรกิจชื่อดัง เตรียมส่งทนายระดับประเทศ ลุยฟ้องกลุ่ม นายก อบต. บุกรุก ลักทรัพย์ในบ้านที่ขายให้ตัวเอง เผยหลังเป็นข่าวดัง ก็สบายใจขึ้นแม้ชนกับผู้มากบารมีระดับท้องถิ่น

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากที่ นายวรชาติ พุกโฉมงาม อายุ 52 ปี อาชีพนักธุรกิจเครื่องหนัง เดินทางมาขอความช่วยเหลือกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกอิทธิพลของ นายก อบต. แห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร บุกยึดบ้านที่ขายให้แล้ว และบุกรุกนำสิ่งของมีค่าภายในบ้านออกไปหมด พอไปแจ้งความ พนักงานสอบสวนทำงานดี ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พบว่าเข้าข่ายทั้งบุกรุก และลักทรัพย์ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน พนักงานสอบสวนท่านนี้กลับถูกเปลี่ยนตัว


นายวรชาติ กล่าวว่า ตนทำธุรกิจอยู่ในกรุงเทพมหานคร โดยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 ได้มี นายฐิติกร ซึ่งเป็นหน้าขายที่ดินติดต่อมาหาตน บอกว่ามีนายก อบต. แห่งหนึ่งในจังหวัดชุมพร อยากซื้อที่ดินที่อยู่ติดทะเลเกือบ 6 ไร่ ของตน ในราคา 10,674,000 บาท แต่จะเอาบ้านติดทะเลมาเทิร์นให้ในราคา 2,500,000 บาท ตนจึงขอดูรูปบ้าน และโฉนด เพื่อตรวจสอบว่าติดธนาคารหรือไม่ หลังจากได้ดูรูปพบว่าบ้านพร้อมที่ดินไม่ติดธนาคาร ตนจึงตอบตกลงไป และนัดกันไปโอนบ้านในวันที่เขียนสัญญานั้นเลย
พอถึงวันนัดหมาย ตนได้พาทนายความและนายหน้าไปทำสัญญา ที่ปั้มน้ำมัน ปตท แห่งหนึ่งใน อ สวี ที่จังหวัดชุมพร และขอให้โอนบ้านหลังนี้ให้ตามที่ตกลงกันไว้ได้พบกับนายก อบต. และลูกสาวนายก อบต. ที่มีชื่อเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ตนจึงขอให้พาไปที่สำนักงานที่ดินเพื่อโอนบ้านให้เสร็จ แต่ปรากฏว่าทางนายก อบต. ขอให้โอนในวันที่ 25 ธันวาคม 2565 ได้ไหม ซึ่งในวันนั้นจะจ่ายค่าที่ดินที่เหลือทั้งหมด 8,174,000 บาท แต่ตนเองไม่ยอม เพราะได้ตกลงกันไว้แล้วว่าจะต้องโอนภายในวันนี้ ตนถึงยอมขับรถมา ทางลูกสาวนายก อบต. จึงทำสัญญายกบ้านหลังนี้ให้ตน พร้อมระบุจำนวนเงิน 2,500,000 บ (ได้จ่ายเงินครบถ้วนแล้ว) โดยในสัญญาระบุว่า ให้ไปโอนบ้านในวันที่ 25 ธันวาคม 2565 โดยมีการเซ็นสัญญาทางผู้ซื้อ ผู้ขาย และพยานที่เป็นทนายอย่างถูกต้อง จากนั้นตนได้จ่ายเงินค่านายหน้าในการซื้อขายบ้านหลังนี้ให้กับนายฐิติกร ไป 75,000 บาท หลังจากตนได้บ้านหลังนี้มาแล้ว ตนจึงจ้าง นายฐิติกร ที่เป็นนายหน้าให้หาช่างมารีโนเวตบ้านหลังนี้ใหม่ โดยใช้งบทั้งหมด 1,200,000 บาท
ต่อมาประมาณกลางเดือนธันวาคม 2565 ทางนายก อบต. ได้ติดต่อมา บอกเงินไม่พร้อมที่จะโอนที่ดินทั้งหมด จึงขอจ่ายโอนให้ก่อน 500,000 บ ตนจึงเดินทางไปพบนายก อบต. ที่จังหวัดชุมพร เพื่อถามสาเหตุทำไมถึงเลื่อนนัด โดยนายก อบต. อ้างว่า ธุรกิจส่งออกที่ทำไว้มีปัญหา ทำให้ยังไม่ได้เงินตามที่นัดหมาย และนายก อบต. จึงเสนอมาว่า วันนี้จะให้เงินตน 500,000 บาท มาก่อน และในวันที่ 5 มกราคม 2566 จะจ่ายให้อีก 500,000 บาท จากนั้นวันที่ 31 มกราคม 2566 จะจ่ายให้อีก 3,000,000 บาท ส่วนที่เหลือทั้งหมดภายใน 30 กุมภา 2566 ตนจึงให้โอกาส แต่ยังคงยึดถือสัญญาเดิมที่ทำไว้ ตนจึงยอมตกลง


แต่พอถึงวันที่ 5 มกราคม 2566 นายก อบต. ก็เงียบ ไม่โอนเงินมาให้ วันที่ 6 มกราคม 2566 ตนจึงไลน์ไปถามถึงเงิน 500,000 บาท ที่นัดหมายกันไว้ แต่นายก อบต. อ่านข้อความแล้วไม่ตอบ เราจึงให้ทนายโทรไปถาม ก็ได้รับคำตอบว่า ขอเลื่อนไปก่อน ตอนนี้ไม่มีเงินให้ หลังทวงถามอยู่หลายเดือนก็ไม่ได้คำตอบ วันเวลาที่ชัดเจน พอตนทวงถามว่าเมื่อไหร่จะมาโอนบ้านให้ตนอย่างถูกต้องสักที ได้รับคำตอบว่า บ้านหลังนี้ไม่สามารถโอนได้เนื่องจากติดธนาคารอยู่ ตนจึงแปลกใจว่ามาหลอกตนตั้งแต่แรกทำไมว่าบ้านไม่ติดธนาคาร สามารถโอนได้ และจะไม่ยอมให้บ้านหลังนี้กับตนเด็ดขาด ตนจึงรู้แน่แล้วว่านายก อบต. ไม่ซื้อที่ดินของตนแน่ วันที่ 14 สิงหาคม 2566 ตนเอาป้ายขายที่ดินผืนนี้ไปติดในที่ดินที่จะขาย แล้วอีก 2 วันก็ปลดป้ายออก เพื่อกระตุ้นให้นายก อบต. หาเงินมาจ่ายส่วนที่เหลือ แต่ปรากฏว่า นายก อบต. เอาภาพที่ตนติดป้ายขายที่ดินไปฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับตน 12 ล้านบาท กล่าวหาว่าตนเองผิดสัญญาโดยทนายที่ตนเองพาไปทำสัญญาซื้อขายด้วย เปลี่ยนไปเป็นทนายให้กับนายก อบต. มาฟ้องตน ไม่แน่ใจว่าจะผิดมรรยาททนายความหรือเปล่า
และวันที่ 5-9 กันยายน 2566 นายก อบต. กับ นายฐิติกร ที่เป็นนายหน้า ได้พาคนบุกรุกเข้าไปในบ้านที่ขายให้ตนเองแล้ว และไปนำทรัพย์สินของตนภายในบ้านออกมาทั้งหมด ถอดกล้องวงจรปิดออกทุกตัว รวมถึงเข้ามาจัดงานเลี้ยงฉลองกันในบ้านอีก วันที่ 12 ตุลาคม 2566 ตนจึงไปแจ้งความข้อหาบุกรุกไว้ที่ สภ.ปากตะโก จังหวัดชุมพร ร้อยเวรรับเรื่อง และพาตนมาชี้จุดที่เกิดเหตุ พร้อมกับสอบปากคำตนเองเรียบร้อย ต่อมาร้อยเวรได้โทรศัพท์มาบอกว่า ตนถูกเปลี่ยนตัวไม่ให้ทำคดีนี้แล้ว จะให้ร้อยเวรคนใหม่เข้ามาทำคดีแทน พอร้อยเวรคนใหม่เข้ามาทำคดีบอกตนเองว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ไม่ใช่คดีอาญา และก็เงียบหาย
นายวรชาติ ยังกล่าวต่ออีกว่า มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่โทรมาเจรจาขอให้จบเรื่อง บอกจะหาคนมาซื้อที่ดินแทนให้ พยายามจะเปลี่ยนผู้ขัดแย้งกับตน แต่ตนไม่ยอม เพราะตอนที่ตนถูกลูกสาวนายก อบต. ฟ้อง 12,000,000 บาท เรื่องขึ้นป้ายขายที่ ไม่เห็นมีใครคนไหนมาเคลียร์ให้

และตนเองยังมารู้ภายหลัง ว่าบ้านหลังนี้ มีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปอีก เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2566

ล่าสุด นายวรชาติ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ซึ่งหลังจากมีข่าวออกไป มีผู้ใหญ่ที่ตนเองนับถือและในวงการธุรกิจ ทราบข่าวก็โทรมาให้กำลังใจพร้อมยื่นมือมาช่วยเหลือ ทำให้ตนเองมีกำลังใจและไม่เกรงกลัวในอิทธิพลของนักการเมืองท้องถิ่น รวมถึงได้มีทีมทนายความชื่อดังระดับประเทศ 3 ท่าน กำลังดำเนินการเรื่องการยื่นฟ้องร้องต่อศาลในคดีแพ่ง กรณียึดเงินมัดจำบ้านหลังที่เกิดเหตุ และคดีอาญา กรณี บุกรุก ลักทรัพย์ ฉ้อโกง กับกลุ่มบุคคลดังกล่าว…