โครงการท่าเรือ MTP 3   ร่วมสืบสานประเพณี เทศน์มหาชาติ  วัดพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

โครงการท่าเรือ MTP 3   ร่วมสืบสานประเพณี เทศน์มหาชาติ  วัดพลา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง

โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 ประกอบด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) บริษัท กัลฟ์เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด (GMTP)บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  (ITD) กลุ่มบริษัทที่ปรึกษาโครงการ PMSC ร่วมสนับสนุนกิจกรรมร่วมสืบสานประเพณี เทศน์มหาชาติ  วัดพลา อ.บ้านฉาง  จ.ระยอง

การเทศน์มหาชาติ เป็นประเพณีที่มีมาแต่ครั้งกรุงสุโขทัย ดังปรากฏในศิลาจารึกวัดนคร ชุมหลักที่ ๓ สมัยพระเจ้าลิไท พุทธศักราช ๑๙๐๐ ความว่า “อันว่าพระไตรปิฎกนี้จักหายและหาคน รู้จักแท้แลมิได้เลย ยังมีคนรู้คั่นสเล็กสน้อยไซร้ธรรมเทศนา อันเป็นต้นว่าพระมหาชาติ หาคนสวดแล มิได้เลย” ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยาปรากฏเมื่อครั้งสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้ทรงประชุม นักปราชญ์ ราชบัณฑิตแต่งมหาชาติคำหลวงขึ้นไว้ จนเป็นบ่อเกิดมหาชาติสำนวนต่าง ๆ เช่น กาพย์ มหาชาติ ซึ่งแต่งขึ้นในสมัยพระเจ้าทรงธรรมมหาชาติกลอนเทศน์ มหาชาติฯ จนเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา( สมปราชญ์ อัมมะพันธ์, ประเพณีและพิธีกรรมในวรรณคดีไทย, กรุงเทพมหานคร: โอเดียนสโตร์, ๒๕๓๖), ปรากฏว่าต้นฉบับมหาชาติคำหลวงได้สูญหายไป ๖ กัณฑ์ ได้แก่ กัณฑ์หิมพานต์ ทานกัณฑ์จุลพน มัทรี สักกบรรพ และฉกษัตริย์ จนกระทั่งสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จ พระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงประชุมนักปราชญ์ราชบัณฑิตเพื่อร่วมกันแต่งกัณฑ์ที่สูญหายไปขึ้นใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๕๘ เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาและอนุรักษ์วรรณกรรมครั้งสำคัญ เป็นเหตุให้มี หนังสือมหาชาติคำหลวงครบสมบูรณ์มาจนทุกวันนี้

ประเพณีการเทศน์มหาชาติที่จัดกันเป็นการใหญ่ และเป็นประจำที่ปรากฏเป็นหลักฐานมาตั้งแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดขึ้นถึง ๒ ครั้ง โดยทรงเกณฑ์ให้พระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดจนข้าราช สำนักจัดทำกระจาดใหญ่เพื่อบูชากัณฑ์เทศน์ และถือเป็นพระราชประเพณีบำเพ็ญพระราชกุศลเป็น ประจำทุกปีในรัชกาล  คุณค่าของประเพณีเทศน์มหาชาตินั้นถือเป็นเสมือนกรอบทางจริยธรรมสำหรับการดำเนิน ชีวิตที่ดีงามของชาวพุทธ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณธรรมที่ปรากฏในการเทศน์มหาชาติมีอยู่มากมายที่ สามารถนามาใช้ในชีวิตประจำวันตามวิถีชีวิตของผู้คนในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ การรู้จักแบ่งปันให้ผู้อื่น จริยธรรมของสตรีผู้ครองเรือน ความกตัญญูรู้คุณ ความซื่อสัตย์สุจริต ความ ยุติธรรม ความอดทน ความไม่โลภ ความไม่รู้จักประมาณ จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การรู้จักข่มใจตนเอง ความขยันหมั่นเพียร และความอ่อนน้อมถ่อมตน โดยคุณธรรมทั้งหมดดังกล่าวก่อให้เกิดคุณค่าใน การพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งแก่ตนเองและสังคม ทำให้คนทำดีมีความสุขแท้ตามความเป็นจริง คือ แสวงหาความสุขด้วยการสร้างสรรค์ ปรับตัว ร่วมมือ และแสวงหา การสร้างสรรค์ ได้แก่ การสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นมงคลหรือคุณงามความดีให้เกิดขึ้นกับชีวิต การปรับตัว หมายถึง รู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตนและมีปัญญาในการปรับตัว ไม่แบ่งพรรคแบ่งพวกเพื่อแข่งขันชิงดีชิงเด่นด้วยความอยุติธรรม ส่วนการแสวงหาคือเมื่อรู้ว่าตนเองยังขาดสิ่งใดที่มีผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตก็ขวนขวายหาสิ่ง เหล่านั้นหรือฝึกฝนอบรมให้เกิดมีขึ้นและพัฒนาขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ

นายศุภฤกษ์ โสภณราพงษ์ ผช.ผจก.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ บริษัท Gulf MTP ในนามโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 กล่าวว่า โครงการฯมีการนำพนักงานมาร่วมกิจกรรมและมีการสนับสนุนการจัดงานทั้งนี้กิจกรรมเทศน์มหาชาติ   นับเป็นประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามซึ่งชุมชนและวัดพลาร่วมกันจัดงานเป็นประจำทุกปีเป็นวิถีประชาของชุมชนกับพิธีกรรมทางศาสนาและสร้างความสามัคคีในชุมชนและมีแนวคิดคติธรรมที่ดีในการอยู่ร่วมกันในสังคม โครงการฯให้ความสำคัญต่อกิจกรรมที่ดีงามและส่งเสริมการพัฒนาชุมชน ซึ่งโครงการฯให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมกับชุมชน จึงมีการร่วมสนับสนุนการจัดงานเป็นประจำทุกๆ ปี